เหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชาในช่วงเดือนกรกฎาคม 2568 ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดทางการเมืองและความไม่แน่นอนในพื้นที่ชายแดนหลายจังหวัด เช่น สระแก้ว สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีการพัฒนาโครงการ อสังหาฯแนวชายแดน ทั้งเพื่อการพาณิชย์ การอยู่อาศัย และการลงทุนด้านโลจิสติกส์

แม้เหตุปะทะจะจำกัดวงอยู่ในพื้นที่เฉพาะจุดและควบคุมได้ในระยะสั้น แต่ ผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์แนวชายแดน กลับเริ่มแสดงสัญญาณเชิงลบ โดยเฉพาะด้าน ความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน และการชะลอของโครงการใหม่ ๆ อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจมูลค่ามากถึง 1.7 หมื่นล้าน

ผลกระทบที่เกิดขึ้น:

  1. มูลค่าทรัพย์สินลดลงเฉพาะจุด
    พื้นที่ใกล้จุดปะทะมีราคาที่ดินลดลงเฉลี่ย 10 – 15% จากการประเมินของนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดสระแก้ว เนื่องจากมีผู้ซื้อถอนการจอง และผู้ประกอบการหยุดก่อสร้างชั่วคราว
  2. โครงการโลจิสติกส์และโกดังสินค้าเริ่มชะลอตัว
    การพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจ (Special Border Economic Zone) ในบางจุดเริ่มหยุดชั่วคราวเพื่อประเมินสถานการณ์และความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์
  3. การปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อทรัพย์สินแนวชายแดนลดลง
    ธนาคารพาณิชย์ระมัดระวังมากขึ้นในการอนุมัติสินเชื่ออสังหาฯ ในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะที่อยู่ใกล้แนวชายแดนหรือจุดผ่านแดนถาวร
  4. การท่องเที่ยวแถบชายแดนอ่วม
    การท่องเที่ยวหยุดชะงัก เศรษฐกิจได้รับความเสียหาย นักท่องเที่ยวไม่มั่นใจในความปลอดภัย แห่ยกเลิกการจองโรงแรมห้องพักมากกว่า 80% ในพื้นที่ จ.สระแก้ว ในพื้นที่ จ.ตราด เกาะช้าง 10 – 30% เกาะหมาก 20 – 30% และเกาะกูด มีการยกเลิกหรือเลือกการจองกว่า 50 – 60% และใน จ.อุบลราชธานี มีการยกเลิกการจองกรุ๊ปทัวร์ 100%
ผลกระทบต่อธุรกิจ อสังหาฯแนวชายแดน จากเหตุปะทะไทย – กัมพูชา

Horganice แนะแนวทางการรับมือสำหรับนักลงทุนทุกภาคส่วน:

  • ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจากแหล่งข่าวทางการ เช่น ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธปท. หรือกระทรวงมหาดไทย
  • กระจายความเสี่ยงพอร์ตลงทุน ไม่ควรลงทุนในอสังหาฯ ที่อยู่ใกล้จุดเสี่ยงทั้งหมด
  • เจรจาประกันภัยความเสียหายทรัพย์สินจากเหตุไม่สงบ โดยเฉพาะสำหรับโกดังสินค้าและบ้านพักอาศัยใกล้พื้นที่ปะทะ
  • ประเมินความคุ้มค่าระยะยาว ของพื้นที่ เนื่องจากบางทำเลชายแดนยังมีศักยภาพจากการค้าข้ามแดนในอนาคตหากสถานการณ์สงบ

ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุความไม่สงบทำให้เกิดความตึงเครียดและทำให้เกิดความเสียหายหนักในบางจุด อีกทั้งยังทำให้มูลค่าทรัพย์สินลดลง เศรษฐกิจในพื้นที่มีการชะลอตัว และการนำเข้าส่งออกสินค้าในเขตชายแดนลดลง ไม่เพียงแค่กระทบเศรษฐกิจในพื้นที่เท่านั้น แต่หากการปะทะกันยืดเยื้อก็จะกระทบเศรษฐกิจในประเทศด้วย

อ้างอิง: bangkokbiznews, ไทยรัฐ, Thai PBS และ efinanceThai

Share via