เศรษฐกิจไทยหดตัว วิกฤติอสังหาฯ สะเทือนวงการวัสดุก่อสร้าง
ช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 เรียกได้ว่าอาจเป็นจุด วิกฤติอสังหาฯ เป็นปีที่หนักของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคของอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดการชะลอตัวอย่างหนัก อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง – ซ่อมบำรุง ที่มีความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด
แม้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยจะมีสัดส่วนเพียง 8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ และก่อให้เกิดการจ้างงานเพียง 6 – 7% แต่ก็มีความสำคัญต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทยอย่างกว้างขวาง อีกทั้งยังสามารถสะท้อนถึงความมั่งคั่งและการลงทุนในระบบเศรษฐกิจได้เป็นวงกว้าง เพราะเกี่ยวข้องกับธุรกิจต่อเนื่อง เช่น ธุรกิจรับเหมา ค้าวัสดุ ก่อสร้าง และไฟแนนซ์
วิกฤตครั้งนี้ไม่เพียงแค่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในระบบเศรษฐกิจ ยังเกี่ยวเนื่องกับความมั่นคงของสถาบันการเงินในประเทศ เพราะ…
- แม้ภาคอสังหาฯ คิดเป็นแค่ 8% ของ GDP แต่เชื่อมโยงเศรษฐกิจวงกว้าง เพราะเกี่ยวข้องกับธุรกิจต่อเนื่อง เช่น รับเหมา ค้าวัสดุ ก่อสร้าง และไฟแนนซ์
- ตลาดอสังหาฯ ไทยหดตัวหนักในรอบ 8 ปี สินเชื่อบ้านหดตัวมากที่สุดในรอบ 23 ปี จากการประเมินของสถาบันการเงิน กำลังซื้อของประชาชนลดลง และมีหนี้ครัวเรือนสูงถึง 90% ของ GDP
- เฉลี่ยแล้ว คนไทยเป็นหนี้กว่า 600,000 บาทต่อครัวเรือน และกลุ่มที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือกลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท และเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
ผลกระทบต่อค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง
ในช่วงครึ่งปีแรก 2568 ภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกกลุ่มก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้านทั้งรายใหญ่และรายย่อยทั่วประเทศ อยู่ในช่วงหดตัว สาเหตุเพราะตลาดอสังหาฯ ชะลอตัวลง
- ธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างทั่วประเทศ (รวมรายใหญ่- กลาง – เล็ก) มูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านบาท กำลังหดตัว
- การเบิกงบลงทุนของรัฐชะลอตัว ทำให้ผู้รับเหมาระดับกลางและล่าง ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของร้านวัสดุก่อสร้างซบเซาตาม
- ร้านค้าปลีกมี สต็อกสินค้าค้างจำนวนมาก ผู้ผลิตหยุดผลิต ไม่มีการจ้างงานใหม่ กำลังซื้อประชาชนลดลงอีกเป็นลูกโซ่
- นอกจากนี้ยังเห็นได้ว่ายอดรวมค้าส่งของธุรกิจวัสดุก่อสร้างมียอดรวมที่สูงกว่าการขายปลีกมาก ทำให้มูลค่าการค้าส่งกลุ่มวัสดุใหญ่กว่ากลุ่มค้าปลีก
วิกฤติรอบนี้ “สาหัส” กว่าปี 2540 อย่างไร?
ปี 2540 | ปี 2568 |
วิกฤติลอยตัวค่าเงินบาท / NPL ระเบิด | วิกฤติฐานราก / คนจนได้รับผลกระทบกว้างขวาง |
เกิดเร็ว รุนแรง ธุรกิจใหญ่ล้ม | ค่อย ๆ สะสม กดทับคนชั้นกลางลงล่าง |
กระทบแรงงานบริการ 8 – 11 ล้านคน | กระทบชีวิตประชาชนกว่า 55 ล้านคน |
สำหรับวิกฤติเศรษฐกิจในปัจจุบัน Horganice ได้ทำการวิเคราะห์ภาพรวมและส่วนใหญ่มาจาก รายได้ที่ไม่เพิ่ม แต่ ค่าครองชีพสูงขึ้น ทำให้คนต้องกู้เงินเพื่อใช้ชีวิต ส่งผลให้หนี้ครัวเรือนพุ่ง และปัญหาเศรษฐกิจเชิงโครงสร้างไม่ได้รับการแก้ไขมานานกว่า 10 ปี
อีกทั้งวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ อาจจะไม่หนักเท่าปี 2540 ที่ธนาคารและธุรกิจต่าง ๆ ล้วนล้มและเจ๊งยกแผง แต่ในมุมของประชาชนทั่วไปถือว่าเป็นวิกฤติที่ “ลึก ระยะเวลายาวนาน และกินวงกว้าง” โดยเฉพาะกลุ่มรายได้ต่ำและคนชั้นกลาง ที่ต้องรับภาระหนักจากทั้งภาระหนี้ ค่าครองชีพ และรายได้ที่แทบไม่เปลี่ยนแปลง
แหล่งอ้างอิง: กรุงเทพธุรกิจ