ในช่วงกลางปี 2025 ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชาได้กลายเป็นประเด็นสำคัญที่หลายฝ่ายจับตามอง ทั้งจากภาคการเมือง ความมั่นคง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้าน เศรษฐกิจ และ ตลาดอสังหาฯปล่อยเช่า ซึ่งได้รับผลกระทบในหลากหลายมิติ ตั้งแต่การเคลื่อนย้ายแรงงาน การค้าชายแดน ไปจนถึงการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย
สถานการณ์ความไม่สงบของชายแดนไทยกัมพูชา
ผลกระทบต่อแรงงานต่างด้าว
ประเทศไทยพึ่งพาแรงงานจากกัมพูชาในหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นก่อสร้าง การเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ EEC (ภาคตะวันออก) และกรุงเทพฯ ซึ่งมีการจ้างแรงงานกัมพูชาจำนวนมาก
ความไม่แน่นอนบริเวณชายแดนส่งผลให้มีแรงงานบางส่วนเดินทางกลับประเทศ และมีปัญหาเรื่องการข้ามแดนตามระบบ ส่งผลต่อ ต้นทุนแรงงาน และ ดีเลย์ในงานก่อสร้าง โดยเฉพาะในภาคอสังหาฯ
ผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจไทย
1. การชะลอตัวของการค้าชายแดน
- ชายแดนไทย – กัมพูชาเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์สำคัญของการค้าสินค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะที่ตลาดโรงเกลือ จังหวัดสระแก้ว เมื่อเกิดความตึงเครียด การขนส่งสินค้าล่าช้า ด่านศุลกากรตรวจเข้ม ส่งผลให้การค้าชายแดนในบางพื้นที่ชะลอตัว ก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้ประกอบการรายย่อยและธุรกิจนำเข้าส่งออก
2. ความเชื่อมั่นนักลงทุนลดลงในระยะสั้น
- แม้ไทยยังมีศักยภาพในการดึงดูดนักลงทุนใน EEC แต่ความไม่แน่นอนทางชายแดน ทำให้บางบริษัทชะลอแผนการลงทุนหรือพิจารณาย้ายฐานการผลิต ผลกระทบนี้สะท้อนต่อ ความต้องการพื้นที่เช่า อาคารสำนักงาน และ ตลาดอสังหาฯปล่อยเช่า เชิงพาณิชย์ในพื้นที่ชายแดนและเขตเศรษฐกิจพิเศษ
ตลาดอสังหาฯ ปล่อยเช่าได้รับผลอย่างไร?
1. ตลาดหอพักและห้องเช่าในภาคตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือมีความผันผวน
- พื้นที่จังหวัดสระแก้ว ศรีสะเกษ ชลบุรี ระยอง มีแรงงานกัมพูชาอาศัยอยู่จำนวนมาก หอพักและห้องเช่าที่ปล่อยเช่ารายเดือนอาจได้รับผลจากการลดลงของผู้เช่าแรงงาน ผู้ประกอบการหอพักจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ เช่น ขยายกลุ่มเป้าหมายจากแรงงาน ไปสู่กลุ่มพนักงานไทย หรือพัฒนาให้มีระบบบริหารจัดการหอพักที่ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ
2. ตลาดเชิงพาณิชย์และโกดังสินค้าเริ่มชะลอตัว
- การนำเข้าสินค้าจากกัมพูชามีความไม่แน่นอน ทำให้ผู้ประกอบการลดการเช่าพื้นที่เก็บสินค้า โกดัง และพื้นที่เชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีจุดผ่านแดนหลัก เช่น อรัญประเทศ ทำให้เจ้าของอสังหาฯปล่อยเช่าต้องปรับแผนการบริหารสินทรัพย์ หรือพัฒนาเป็น “พื้นที่อเนกประสงค์” เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น
3. ความต้องการระยะสั้นยังมีในเขตอุตสาหกรรม
- แม้จะมีความผันผวน แต่ความต้องการที่พักระยะสั้นหรือหอพักชั่วคราวในโซนอุตสาหกรรมของ EEC ยังคงมีอยู่
- โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานที่ยังอยู่ในไทยหรือกลุ่มใหม่ที่เข้ามาในระบบถูกกฎหมาย ส่งผลให้ตลาดหอพักยังคงมีช่องทางเติบโต หากมีการบริหารจัดการที่ดี
แนวโน้มและโอกาสในระยะต่อไป
- หากปัญหาชายแดนคลี่คลายภายในปี 2025 โอกาสที่เศรษฐกิจชายแดนและตลาดอสังหาฯ ในพื้นที่จะฟื้นตัวเร็วเป็นไปได้สูง โดยเฉพาะหอพักที่อยู่ใกล้แหล่งงาน
- ระบบบริหารจัดการหอพัก (เช่น Horganice) จะเป็นตัวช่วยให้เจ้าของหอพักลดต้นทุน ดูแลผู้เช่าจำนวนมากได้ง่ายขึ้น และปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว
- นักลงทุนควรจับตาความเคลื่อนไหวในพื้นที่ EEC และแนวชายแดน หากมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและความร่วมมือในระยะยาว โอกาสลงทุนอสังหาฯปล่อยเช่าในพื้นที่เหล่านี้ยังคงน่าสนใจ
ปัญหาชายแดนไทย – กัมพูชาในปี 2025 แม้จะยังไม่รุนแรง แต่ส่งผลต่อเศรษฐกิจชายแดนและตลาดอสังหาฯ ปล่อยเช่า อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในแง่ความเชื่อมั่น การเคลื่อนย้ายแรงงาน และการลงทุนระยะสั้น
สำหรับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์และผู้ลงทุนควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมเพื่อพัฒนาระบบหลังบ้านในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพ